โรงเรียนบุญสูงอุปถัมภ์

หมู่ที่ 3 บ้านปากเกาะ ตำบลเกาะคอเขา อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา 82190

ดาวเทียม เป็นไปได้อย่างไรที่โลกได้รับสัญญาณจากดาวเทียมที่สูญหายไป

ดาวเทียม

ดาวเทียม ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2504 และพฤษภาคม พ.ศ. 2506 สหรัฐอเมริกาจึงส่งเข็มทองแดงหลายร้อยล้านเข็มขึ้นสู่อวกาศตามลำดับ แต่ก็ไม่สำเร็จ ในปี พ.ศ. 2506 เข็มทองแดงมากกว่า 400 ล้านเข็มสามารถกระจายได้สำเร็จและถูกวางไว้ในที่ต่ำ วงโคจรเกิดวงแหวนเมฆกว้าง 8 กิโลเมตร ยาว 38 กิโลเมตร เรื่องนี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ในระดับนานาชาติ เนื่องจากเข็มทองแดงเล็กๆเหล่านี้กระจายอยู่อย่างหนาแน่นในอวกาศ

ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมในอวกาศแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อการปล่อยยานอวกาศอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นเทคโนโลยีนี้ไม่ยากพอหยุดพฤติกรรมของสหรัฐฯแล้วถ้ายังมีหลายๆประเทศ เช่น สหรัฐฯที่เอาแต่สนใจแต่ผลประโยชน์ของตัวเองจนไม่สนใจความปลอดภัยของมนุษย์ทั่วโลก พวกมันจะส่งเข็มทองแดงขึ้นสู่อวกาศทีละอันถ้าเราลงไป เราอาจถูกกักขังไว้บนโลกในอนาคต

ซึ่งข้างนอกนั้นเต็มไปด้วยเข็มทองแดง แม้แต่ยานอวกาศก็ไม่สามารถบินออกไปได้เป็นความจริงที่ดาวเทียมหลายดวงที่ส่งโดยสหรัฐอเมริกา ถูกเข็มทองแดงเหล่านี้ทะลุทะลวง แต่ในความเป็นจริงแล้ว สาเหตุหลักประการหนึ่งที่ทำให้สหรัฐอเมริกาไม่ส่งเข็มทองแดงอีกต่อไปก็คือ นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบเทคโนโลยีดาวเทียมสื่อสารที่เสถียร และก้าวหน้ามากขึ้น ดาวเทียมเหล่านี้สะดวกกว่าและไม่เป็นอันตรายมากกว่าเข็มทองแดง

ในบริบทนี้สหรัฐอเมริกาได้พัฒนาดาวเทียมซีรีส์ LES ทั้งหมด 9 ดวงซึ่งดาวเทียมเลส-1 เป็นดาวเทียมดวงแรกที่เปิดตัว และเปิดตัวในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2508 เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ขาดประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีดาวเทียมในเวลานั้น ดาวเทียมเลส-1 จึงน่าเกลียดมากโดยมีแบตเตอรี่ ล้อโมเมนตัมและระบบเสาอากาศอยู่ภายในและแผงเซลล์แสงอาทิตย์ 2376 แผงอยู่ด้านนอกลำตัว 19 ด้าน เหมือนค้อนขนาดใหญ่โบราณ

ดูเหมือนว่าดาวเทียมจะไม่มีปัญหาใดๆ แต่หลังจากส่งขึ้นสู่วงโคจรที่กำหนดแล้วกลับพบอุบัติเหตุร้ายแรงมากมาย เช่น ระหว่างปฏิบัติการเดินสายของจรวดตำแหน่งสุดท้ายเดินสายผิด ซึ่งทำให้จรวดล้มเหลวในการติดไฟทำให้ดาวเทียมเลส-1 ล้มเหลวในการเขียนโปรแกรม และอยู่บนวงโคจรที่ไม่ได้วางแผนไว้ และเนื่องจากการเบี่ยงเบนของจุดศูนย์ถ่วง และความล้มเหลวของวงล้อโมเมนตัมดาวเทียมเลส-1 จึงต้องหมุนรอบโลกอยู่เสมอ

ซึ่งไม่สามารถส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์มายังโลกได้เลย ดาวเทียมเลส-1 เป็นแบบนี้อยู่แล้วและนักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถบินขึ้นไปบนท้องฟ้า เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดได้ ดังนั้น พวกเขาจึงได้แต่ถูกบังคับให้ละทิ้งมันไป และพัฒนาดาวเทียมดวงอื่นๆขึ้นมาเนื่องจากดาวเทียมเลส-1 อยู่ในแถบการแผ่รังสีของอนุภาคพลังงานสูงเป็นเวลานาน จึงถูกระดมยิงด้วยอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าจำนวนมาก เซลล์สุริยะได้รับความเสียหายอย่างหนัก

ดาวเทียม

และในที่สุดก็สูญเสียสัญญาณในปี 2510 พูดอย่างมีเหตุผล ดาวเทียมเลส-1 กลายเป็นแบบนี้ และไม่สามารถส่งสัญญาณมายังโลกได้อีกต่อไป แม้เวลาผ่านไปผู้คนก็ลืมดาวเทียมที่ล้มเหลวนี้ไปเสียสนิท อย่างไรก็ตาม ในปี 2556 นักดาราศาสตร์สมัครเล่นคนหนึ่งจับสัญญาณลึกลับได้โดยไม่ตั้งใจ สัญญาณนี้อ่อนมากด้วยย่านความถี่ 237 เมกะเฮิรตซ์และจะปรากฏทุกๆ 4 วินาที โดยประสบกับวัฏจักรของการค่อยๆอ่อนลงและฟื้นตัว

โดยทุกคนต่างสังสัยว่าสัญญาณลึกลับนี้คืออะไร อาจเป็นสัญญาณจากมนุษย์ต่างดาว นักดาราศาสตร์ประกาศสัญญาณต่อสาธารณะ และในที่สุดก็ได้รับการยืนยันว่ามาจากดาวเทียมเลส-1 ที่สูญหายไปเป็นเวลา 46 ปี แต่เหตุผลนี้ทำให้เกิดความกังวลอย่างกว้างขวางในสังคมคุณต้องรู้ว่า ดาวเทียมเลส-1 สูญเสียสัญญาณในปี 2510 และเซลล์แสงอาทิตย์ถูกทำลายทั้งหมด 46 ปีจะกลับมาทำงานได้อย่างไร แล้วยังมีการส่งสัญญาณมายังโลกอีกครั้ง

เมื่อผ่านไปสักพักก็เกิดการคาดเดาต่างๆนานาซึ่งหลายคนเชื่อว่า ดาวเทียม ที่หายไปและปรากฏขึ้นอีกครั้งน่าจะถูกมนุษย์ต่างดาวควบคุม บางทีมนุษย์ต่างดาวอาจใช้ดาวเทียมเลส-1 เพื่อส่งข้อมูลมายังโลก เราไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรนักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่า อาจเป็นเพราะดาวเทียมเลส-1 อยู่ในแถบการแผ่รังสีของอนุภาคพลังงานสูง แม้ว่าเซลล์แสงอาทิตย์จะได้รับความเสียหายจากพวกมัน

แต่พวกเขาก็เปิดสวิตช์โดยไม่ได้ตั้งใจ มีการเปิดใช้งานระบบจ่ายไฟภายใน เพื่อให้สามารถเริ่มทำงานและส่งสัญญาณมายังโลกได้ แต่จริงๆแล้วสัญญาณเหล่านี้ไม่มีความหมายใดๆเพียงเพื่อบ่งชี้ว่ามีอยู่ ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร การคืนชีพของดาวเทียมเลส-1 ไม่ใช่ข่าวดีถ้าจะบอกว่ามันเริ่มทำงานเพราะมนุษย์ต่างดาว เราก็ต้องระวังเพราะนั่นแสดงว่า ตำแหน่งของโลกถูกเปิดโปงในปัญหาสามร่างกาย ที่เขียนโดยหลิวฉีซินมีกฎป่ามืดในจักรวาล

แม้ว่าจะเป็นเพียงผลงานจากนิยายวิทยาศาสตร์ แต่แนวคิดบางส่วนก็มีค่าอ้างอิงที่นำไปใช้ได้จริง กฎของป่าทมิฬบอกคร่าวๆว่าทุกอารยธรรมในจักรวาลเป็นนักล่า เนื่องจากทรัพยากรโดยรวมของจักรวาลยังคงไม่เปลี่ยนแปลงและอีกหนึ่ง อารยธรรมจะทำให้ทรัพยากรถูกครอบครอง ดังนั้น บางอารยธรรมจะเลือกทำลายอารยธรรมใหม่เพื่อป้องกันไม่ให้ทรัพยากรเสียเมื่อ 2 อารยธรรมมาบรรจบกัน ทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถยืนยันได้ว่า อีกฝ่ายหนึ่งเป็นอารยธรรมชนิดใด

และไม่สามารถยืนยันได้ว่า อีกฝ่ายหนึ่งคิดว่าตนเป็นอารยธรรมชนิดใด จากรากฐานทั้ง 2 นี้ จะเกิดสถานการณ์ที่อารยธรรมที่มันถูกค้นพบครั้งแรกจะถูกทำลาย ดังนั้น หากมีมนุษย์ต่างดาวเราก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่า มนุษย์ต่างดาวตัวนี้มีเจตนาดีหรือไม่ ยืนยันไม่ได้ว่าคิดว่าเรามีเจตนาดีหรือไม่ เมื่อเทคโนโลยีมันสูงกว่ามนุษย์บนโลกเราคงจะสูญพันธุ์ไปแล้ว แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาแต่แม้ว่าสัญญาณที่ส่งกลับจะแจ้งเตือนผู้คนเมื่อเราส่งยานอวกาศขึ้นสู่อวกาศมากขึ้นเรื่อยๆ

และด้วยการพัฒนาการบินในอวกาศของมนุษย์ ในอนาคตยานอวกาศที่มีมนุษย์จำนวนมากขึ้นจะปรากฏขึ้น หากพบขยะลอยน้ำเหล่านี้บนเส้นทาง จะทำให้เกิดการสูญเสียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ต่อยานอวกาศและนักบินอวกาศ สรุปแล้วบางทีในขณะที่เรากำลังพัฒนาเทคโนโลยีการบินและอวกาศ เราควรเพิ่มสิ่งที่ช่วยการกำจัดขยะที่มนุษย์เป็นผู้สร้างขึ้นทั่วทั้งโลกในแผนในอนาคตของเราโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หากเราปล่อยทิ้งไว้ตามลำพังไม่ช้าก็เร็วมนุษย์จะถามหาปัญหา

บทความที่น่าสนใจ ยีน มียีนผีดิบในร่างกายมนุษย์หรือไม่และมีผลกับอายุขัยของมนุษย์อย่างไร

บทความล่าสุด